วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วิเคราะห์ นบี มูฮัมหมัด (ค.ว.ย) ศาสดาหื่นกามอำมหิต

นบี เป็นเด็กกำพร้าที่ทำหน้าที่เป็นคนจูงอูฐใน คาราวาน ของลุง แล้ว นบี ก็หว่านเสน่ห์ ใ หญิงหม้ายที่อายุมากกว่าตัวเอง 15 ปีเพื่อ แต่งงานหวังมรดก สภาพสังคมอาหรับในตอนนั้น มีการนับถือพระเจ้าหลายองค์ ต่างเผ่าพันธุ์ต่างแยกกันอยู่ตาม โอเอซิสต่างๆทำให้สังคมอาหรับเป็นวัฒนธรรมที่เป็นสังคมปิด สภาพแวดล้อมที่เหมือนนรกฝนแทบไม่ตกปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้น ทำให้คนพวกนี้เป็นพวกเห็นแก่ตัวและชิงดีชิงเด่นตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่จะมีการรบราฆ่าฟันกันตลอดเวลา

หลังจาก นบี เริ่มกินอิ่มนอนหลับเพราะเกาะเมียกิน เขาก็เริ่มอยากหาเมียเด็กๆมาไว้ชมเชยบ้าง แต่ถ้าแสดงความหื่นมากเกินไป เดี๋ยวจะโดนเมียหลวงเฉดหัวออกจากกองมรดก นบีเดินหนีเมียแก่ๆหนังยานของเขาขึ้นเขา แล้วก็เดินกลับมาบอกหน้าตาเฉยว่าเจอกับ ทูตของพระเจ้า และตัวนบีเองได้รับเลือกเป็น ศาสนทูตคนสุดท้าย ถ้าเป็นสมัยนี้ คนแบบนี้ นาย นบี มูฮัมหมัด นี่คงถูกหาว่าเป็น “ไอ้บ้า” แต่ในยุคสมัยนั้น ใครๆตั้งลัทธิกันเกร่อ ลัทธิไหนคนนิยมเจ้าลัทธิก็สบายไปด้วย ลาภสักการะ เมียของ นบี เล็งเห็นผลการณ์ไกลเพราะตนเองก็มีทุนทรัพย์พอจะดันลัทธิใหม่ของ สามีให้แจ้งเกิด เลยประกาศตัวเป็นสาวกคนแรก ของ ลัทธิ “มูฮัมหมัด” อย่าเพิ่งตกใจตอนแรกๆ ชื่อลัทธิมันเป็นแบบนี้จริงๆ ก่อนจะมาเป็น “อิสลาม” ทีหลัง

ว่าแล้ว นบี มูฮัมหมัด ก็ตกแต่งตัวเองซะใหม่ให้ ดูสมถะน่าเคารพก่อนเดินเข้าไปหาสาวกเพิ่มเติม ที่ กรุงเมกกะ แต่เนื่องจาก เมกกะเป็นเมือง ศูนย์กลางของอาระเบีย ที่เจ้าลัทธิอื่นๆ รวมทั้งศาสนา ยิว คริสเตียน อยู่ก่อนแล้ว ลัทธิมูฮัมหมัด จึงไม่ได้แจ้งเกิด พอเริ่มหาสาวกได้ 10 คน ก็ดันมี สาวกบางคนทนลำบากกับ นาย นบีไม่ไหว ก็โบกมือลาไปซะก่อน เมื่อเจอเหตุการณ์เช่นนี้ นาย นบี จึงต้องหาที่ประกาศ ลัทธิใหม่ แต่... อุตสาห์เป็นตั้ง ศาสนทูต คนสุดท้ายทั้งที จะเผ่นออกจากเมกกะมือเปล่าก็จะดูไม่สมศักดิ์ศรีเท่าไร นบี เลยอ้างว่า “ผม และสาวก ถูกกีดขวาง กลั่นแกล้ง และทารุณกรรม จากพวกนอกศาสนาไม่ไหว จึงต้องลี้ภัยจากเมกกะ” กลายเป็นว่า ปีที่ นาย นบี เผ่นออกจาก เมกกะกลายเป็นปีเริ่มต้นศักราชแรกของอิสลาม คือ ฮิจเราะห์ศักราช นั้นเอง

เมื่อ นบี ย้ายมา เมือง เมดิฮาห์ นาย นบี เริ่มมีสันดานเสียคือ ไม่ช่วยเมียทาหากิน แถมยังเอาเงินเมียไปเลี้ยงดูสาวกอีก ซึ่งช่วงนี้ใน บันทึกของพวกมุสลิมบอกว่า นบี ต้องอยู่อย่างอัตขัต แล้วนบีก็คิดวิธีหาเงินออก คือ ปล้นขบวน คาราวาน โดย สาวกอิสลามของเขานั้นแหละ หลังจากการปล้นครั้งแรกทระพย์สินที่ได้จากการปล้นทำให้คนสนใจเข้าร่วม ลัทธิมูฮัมหมัด จำนวนมาก นาย นบี ก็เริ่มได้ใจจึงปล้นต่อเนื่องอีกหลายครั้ง นบีวางแผนซื้อใจสาวกอย่างฉลาด เพราะนบี คิดได้ว่าสาวกที่มากขึ้นแบบนี้ ของที่ปล้นได้สักวันต้องแจกลูกน้องตัวเองไม่ไหวแหงๆ นบีจึงให้รางวัลท่าพิสมัยกว่า รางวัลที่ได้จากการปล้นคือ... ใบผ่านทางสู่สวรรค์ ลูกสมุนทุกตัวของ นบี จะเข้าใจว่า “นบีคือศาสนทูตของพระเจ้าที่แท้จริงหนึ่งเดียวเท่านั้น” ทุกคำสั่งของนบีก็คือองการจากสวรรค์นั้นเอง แค่ทำตามก็ได้ขึ้นสวรรค์แล้ว ว่าแล้วนบีก็วาดภาพสวรรค์ให้ชัดเจนและเหลือเชื่อ สวรรค์เป็นที่ๆมีทั้ง ผู้หญิง อาหาร น้ำ กลายเป็นว่าใครไม่ทำตามคำสั่ง นบี ต้องตกนรกนั้นเอง นบี ยังมีพรสวรรค์ด้านการล้างสมองมวลชน โดยตั้งกฎต้องละหมาดวันละ 5 ครั้ง โดยทุกๆครั้งช่วงแรก นบีจะเป็นคนกล่าว โฆษณา ชวนเชื่อต่างๆด้วยตัวเอง จนในที่สุด เมดิฮาห์ เกือบทั้งเมืองก็กลายเป็นซ่องโจร มูฮัมหมัด หลังจากการปล้นผ่านไป 10 ครั้ง ด้วยการกระทำที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ทาง เมกกะ ได้ส่งกำลังมากำราบซ่องโจรมุสลิม

ตอนนี้ นาย นบี มูฮัมหมัด ต้องรับศึกใหญ่กว่าที่เคยรบมาทั้งหมด ...แต่ นบี ก็มีรางวัลใหญ่ สำหรับคนที่ร่วมศึกในครั้งนี้!! จีฮัด .. หรือ สงครามศักสิทธิ์ถูกประกาศขึ้น แค่ มุสลิมคนไหนเข้าร่วมในสงครามกับพวกนอกศาสนาครั้งนี้จะได้ขึ้นสวรรค์ยิ่งตายในสนามรบ ยิ่งจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นสูงสุดดด!!! ว่าแล้วก็จับยิวในเมืองมาตัดหัวทิ้ง 10 คน ละเลงเลือดคนนอกศาสนาพอเป็นน้ำจิ้มก่อน โดยยัดข้อหาเป็นใส้ศึก ว่าแล้ว นบีก็กล่าว สรรเสริญ อัลเลาะห์หัวควย แล้วชี้ดาบเข้าเข่นฆ่าคนนอกศาสนาอย่างบ้าคลั่ง สงครามจบลง นาย นบี ได้ชัยชนะ พวกลัทธินรก ได้หยั่งลงมั่นคงแล้วที่เมดิฮาห์ แต่ นบียังต้องการ ปล้นต่อไป ตอนนี้เมืองเล็กๆอย่างเมดิฮาห์ ไม่สามารถตอบสนองความทะเยอทะยานของเขาได้แล้ว เขาต้องการเมืองที่เป็นศูนย์กลางของอาระเบีย... เมกกะ!!

หลังการศึกที่นองเลือด 3 ครั้ง นบีได้ยึด เมกกะได้ นบีเริ่มล้างแค้น ลัทธินอกศาสนาอิสลามอย่างป่าเถื่อน ด้วยการบังคับเปลี่ยนศาสนาแลกกับชีวิต (เห็นหรือไม่ อิสลามคือศาสนาที่แท้จริงหนึ่งเดียวของโลกจริงๆ ผู้คนต้องรักษาหัวตัวเองไว้บ่นบ่าต่างหาก จึงจำยอมเข้าอิสลาม) รูปเคารพทั้งหมดถูกทำลาย คัมภีร์ต่างศาสนาทุกอย่างถูกเผา จนถึง หินกะบะห์ (หินดำแห่งเมกกะที่ ฑูตพระเจ้าเอามาให้) นบี สั่งห้ามทำลายเพราะถึงบริเวณนั้นจะต่างลัทธิมาก แต่คนส่วนใหญ่นับถือ ศาสนายิวกับคริสเตียน ในเมื่อ นบีก็อ้างว่าตัวเองเป็นศาสนทูต จะมาทำลายสัญลักณ์ ของเทวทูตของพระเจ้าอาจทำให้เกิดปฏิกิริยา เมื่อคิดได้แบบนี้ นบีจึงสั่งเก็บหินดำไว้ แล้วลอกแบบปฏิบัติหลายอย่างของยิว และคริสออโธดอกซ์ เพื่อจูงใจ ให้คนเหล่านี้ เข้าอิสลามได้ง่ายขึ้น โดยมองว่า อิสลามคือวิวัฒนาการขั้นหนึ่งของศาสนาไป

เรื่องที่ อิสลาม ลอกชาวบ้านมาทั้งดุ้นก็มี การขลิบ+ไม่กินหมู ของยิว การเข้าโบสถ์วันอาทิตย์ของคริส ก็เป็นเข้ามัสยิดเพื่อ ฟังธรรมใหญ่+ บริจาค ในวันศุกร์ รวมทั้งบังคับให้ ภาษี จิซาร์ ซึ่งเป็นภาษีที่เก็บหนักเป็นพิเศษ ในคนต่างศาสนาเป็นการใช้พระเดชพระคุณบังคับให้คนอื่นเปลี่ยนศาสนา

มาถึงตอนนี้ นาย นบี มูฮัมหมัด เริ่มไม่เห็น เมียหลวงในสายตา เขาก็ทำตามความฝันของเขาสักที นั้นคือ หาเมีย เอ๊าะๆ และฮาเร็ม แต่กระนั้น นบี ยังแสดงความหื่นมากไม่ได้ เพราะลูกน้องของเขากำลัง ฮึดฮัด และสาวกใหม่หลายคนก็อยากไปสวรรค์เหลือเกิน มองไปทางไหนก็มีแต่พวกนอกศาสนา แบบนี้สงครามศักสิทธิ์สร้างได้ไม่ยาก ว่าแล้ว นาย นบี ก็ประกาศจีฮัด ต่อเมืองอื่นๆอีกหลายครั้ง ความทารุณถ่อยเถื่อนของ กองทัพ อิสลาม ถึงขั้นที่ นบี มูฮัมหมัด ชี้ดาบไปที่เมืองหนึ่งแล้วบอก “เข้าอิสลาม.. ไม่งั้นมึงตาย” เมืองนั้นทั้งเมืองก็เปลี่ยนเป็นอิสลาม ความหื่นของนบี มาถึงจุดสูงสุดในการบุกเมืองยิวแห่งหนึ่ง สังหารตระกูลที่ปกครองเมืองนั้นทั้งหมดแล้วจับลูกสาวเจ้าเมืองมาเป็นเมีย หลังจากฆ่าสามีของนางแล้ว

ตอนนี้ นาย นบี มูฮัมหมัด เป็นผู้พิชิตแห่งอาระเบีย เป็น กษัตริย์ ผู้นำลัทธิ และจิตวิญญาณ คำพูดของเขาไม่ใช่แค่สั่งเป็นสั่งตาย แถมยังสั่งให้ขึ้นสวรรค์ ลงนรกได้อีกด้วย ด้วยวัย 50 ปี เมียคนแรกไม่ต้องพูดถึง นบี เอาไปทิ้งในถังขยะแล้ว ฮาเร็มก็มี เอ๊าะๆก็เยอะ แต่ นบี ยังไม่เคยลิ้มรสสาวแรกรุ่นสักที ว่าแล้ว นบีเห็น ลูกขุนนางตัวเอง อายุ 9 ขวบ เดินไปมา ก็เดินไปบอกหน้าด้าน ๆ “กูอยากได้” ขุนนางก็ตกใจเลยขอประวิงเวลาต่อไปเรื่อยๆบอกว่า “ลูกข้ายังเด็ก เกินไปเกรงจะไม่เหมาะ” พอนางอายุ 11 ขวบ นบี มูฮัมหมัด ก็ทนไม่ไหวจับแต่งงาน โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้า พรหม ว่าแล้วก็ไล่ขุนนางไปเขียนบรรทัดฐานใหม่ให้โลก อาหรับว่า “11 ขอบก็โตพอจะมีครอบครัวแล้ว” “สุลต่านมีเมียเป็นฮาเร็มได้ ส่วนผู้ชายมุสลิมมีได้ 4 คน”

ในบั้นปลายชีวิต นบี มูฮัมหมัด มั่วกามอย่างหนัก จนตายไปตามธรรมชาติ (ในโลกของกษัตริย์อาหรับ หาพวกไม่ตายโหงยาก นบี เป็นตัวอย่างที่พบได้น้อย) เนื่องจากทั้งชีวิต ของนบี มูฮัมหมัด หมกมุ่นแต่การหลอกลวง ปล้นฆ่า และเสพกาม ลูกๆของ นบี จึงอยากสร้างภาพนบี ให้สวยงามในใจของสาวกลัทธิ ด้วยการกุเรื่องว่า นบี ไปเหยียบหินดำแล้วลอยกลับสู่สวรรค์ (ลอกแบบพระเยซู แต่ไม่น่าเกลียดเท่าไรเพราะ นบี เองก็อ้างตัวเป็นศาสทูตเหมือนกันนี่หว่า แถมเป็นศาสนทูตคนสุดท้ายด้วย โอ๊ โหหห) ส่วนใครที่กล้าเขียนบันทึก หรือหลุดปากความจริงเกี่ยวกับการตายของ นบี ต้องโทษ หมิ่น ศาสนา ซึ่ง ตายสถานเดียว!! และการลงโทษนี้ก็ยังสืบมาจนถึงทุกวันนี้

ว่าแล้วราชวงศ์ของ นบี ก็อยู่ไม่ยั่งยืนเหมือน ราชวงศ์อื่นๆของอาหรับ คืออยู่ได้แค่ 3 ชั่วรุ่น ลูกหลานก็ฆ่ากันจนเกือบหมดสิ้น แต่ผู้ปกครองใหม่ก็เข้าครอบครองจักรวรรดิ อิสลาม ได้ไม่ยากนักเพราะ อิสลามเหมือนกับเครื่องจักรที่พรั่งพร้อมรอแค่คนบังคับเท่านั้น ผู้ปกครองใหม่ใช้ จีฮัด ในการทำสงครามสนองตัณหาของตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนจักกรวรรดิใหญ่โต เริ่มรวมกันอย่างหลวมๆในที่สุด ก็แตกป็นเสี่ยงๆเนื่องจาก ขุนศึกอิสลามแต่ละคนมีแต่คนมักใหญ่ใฝ่สูงอย่างต่อเนื่องนั้นเอง รวมระยะเวลาที่จักรวรรดิ มูฮัมหมัด อยู่ได้คือ 200 กว่าปีเท่านั้นเอง อิสลามจะกลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งใน สงครามครูเสด ตอนหน้า..