วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

อิสลามกับสงครามครูเสด

หลังจาก ศาสนาหื่นกามจากขุมนรก นบี มูฮัมหมัด(ค.ว.ย) ได้ใช้ดาบประกาศศาสนาเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเขาตายลูกหลานของเขาต่างทำสงครามกับคนต่างศาสนาอย่างต่อนื่อง จนจักรวรรดิ อิสลามเป็นจักรวรรดิที่ขยายตัวเร็วที่สุดในโลกยุคนั้น ตอนนั้น ตะวันออกกลางส่วนใหญ่เป็นจักรวรรดิไบเซนไทน์ ซึ่งเป็นคริสเตียน ออโธดอกซ์ ได้ถูกรุกรานและคนริสเตียนถูกกดขี่อย่างรุนแรงในสังคมมุสลิม โดยเฉพาะพวกเติร์กที่บังคับทุกคนให้เข้าอิสลามไม่เช่นนั้นตายจนเซนต์ปีเตอร์ได้เห็นภาพเหล่านี้เข้า จึงเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา เพื่อขอกำลังคริสเตียนมาปลดปล่อย เยลูซาเลม กอบกู้คริสเตียนจากพวกศาสนาสัตว์นรก พวกคริสเตียนจึงเริ่มเดินทางมา ตะวันออกกลาง โดยส่วนใหญ่เป็นคนฝรั่งเศส (พวกอาหรับจึงเรียกคนตะวันตกว่าพวก ฟรองด์ เหมือนกับที่คนไทยเรียกหัวทองรวมๆว่าพวก ฝรั่ง)กองทัพ คริสเตียน ที่มีเกราะเหล็กหนาหนัก รบได้ชัยอย่างง่ายดายในช่วงแรกๆ จักรพรรดิไบเซนไทน์ก็ดีใจได้ไม่นาน เพราะพวกกองทัพคริสเตียนไม่ได้มารบเพื่อเอาดินแดนคืนให้จักรวรรดิไบเซนไทน์ พวกเขามาเพื่อต่อสู้ แย่งชิงสร้างประเทศใหม่ของเขาเอง!! ปัจจัยหนึ่งที่พวกคริสเตียนได้ชัยในตอนแรกๆอย่างง่ายดายเพราะ จักรวรรดิของมูฮัมหมัดได้แตกสลาย พวกอิสลามอยู่เป็นก๊กกลุ่ม พวกลัทธิ ชีอะห์ ก็ทำเกลียดชังซึ่งกันและกันกับพวกซุนนีย์ เมื่อเมือง ชีอะห์ แตก พวกซุนนีย์กลับเอาม้ากับของกำนัลมาให้พวกคริสเตียนเพิ่มซะอีก เมื่อพวกคริสเตียนตีเมืองไปเรื่อยๆจนถึงเยลูซาเล็ม พวกคนริสเตียนก็ไม่หยุด พวกเขาตีเมืองต่อไปเรื่อยๆจนถึงคาบสมุทรไซนาย ตอนนี้ในกลุ่มมุสลิมเริ่มมีกระแสต่อต้าน คริสเตียน ยิ่งขึ้น

ตั้งแต่จักรวรรดิศาสดานรกแตกสลาย คำว่า “จีฮัด” หรือสงครามศักดิ์สิทธิ ถูกใช้เมื่อ ปลุกเร้าให้มุสลิมในเมืองต้องจับดาบสู้ เมื่อเขาถูกมุสลิมต่างเผ่าบุกเท่านั้น คนที่ปลุกเร้าให้ มุสลิมลุกขึ้นต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ในการรบกับพวกคริสเตียนคือ ซาลาดิน (ไม่ต้องแปลกใจที่พวกมุสลิมนิยม ตั้งชื่อ ซอลาฮุดดิน มันมาจากชื่อคนนี้แหละ) ซาลาดิน ต่างกับนักรบจีฮัดคนอื่นๆคือ เขาเกลียดชัง พวกคริสเตียนอย่างรุนแรงและ ทุ่มเททุกอย่างเพื่อรบกับพวกคริสเตียน เขาไม่สนสมบัติทรัพย์สินใดๆนอกจาก สงครามศักดิ์สิทธิ เท่านั้น ภาพลักษณ์คนเคร่งศาสนาสุดขั้ว แต่งตัวพื้นๆ หน้าตาผอมแก้มตอบๆ พูดเบาๆ ทำให้ มุสลิมศรัทธา เขามาก เขาใช้เวลาสั้นๆในการไล่เก็บเมืองคริสเตียนต่างๆ และตีเยลูซาเล็มจนแตก (จริงๆไม่ได้ยากอย่างในหนังเรื่อง kingdom of heaven สักน้อย) กองทัพมุสลิมบังคับแลกเงินค่าไถ่จากพวกคริสเตียนแลกกับการไม่สังหารโหด

หลังจากนั้น กองทัพคริสเตียน ระดมพลครั้งใหญ่ อีกครั้ง นับเป็นเรื่องที่น่าตื่นตระหนกของ คริสเตียน ที่ จักรพรรดิเยอรมัน เฟรดเดอริก บาบารอสซ่า เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวาย (บางเล่มเขียนว่าจมน้ำ)หลังยกทัพขึ้นบกที่ตะวันออกกลางได้แค่ 2 สัปดาห์ กองทัพเยอรมันที่ขึ้นชื่อว่า ดุดัน แข็งแกร่ง และมีวินัยที่สุด 2 แสนนายต้องถอนกลับทันที กองทัพของ กษัตริย์ ริชาร์ด ใจสิงค์หลังยกพลขึ้นบกที่ ทริโบลี อย่างโดดเดี่ยวเมื่อกษัตริย์หลุย์ฝรั่งเศสหักหลังด้วยการยกขบวนเรือกลับกลางคัน เมื่อตีเมืองไปได้เล็กน้อย ก็พยายามเล่นเกมส์การทูตกับ ซาลาดิน จนถึงขั้นจะยกน้องสาวให้ ซาลาดิน แต่น้องสาวริชาร์ดบอกว่า “ฆ่าฉันให้ตายดีกว่าเข้าอิสลาม” กระนั้น ริชาร์ด ก็เจรจาเปิดเมืองเยลูซาเลมให้คริสเตียนเข้าแสวงบุญจนได้ และรีบยกพลหลับอย่างรวดเร็ว ขณะที่กองทัพฝรั่งเศสยกพลขึ้นบกที่อียิปต์ ต้องผจญกับโรคระบาดและอาหารที่ขาดแคลน เมื่อเข้าหน้าฝนแม่น้ำไนล์ที่เอ่ออย่างรวดเร็วทำให้กองทัพฝรั่งเศสตองหนีหัวซุกหัวซุน และถูกตามตีแตกพ่าย กษัตริย์ฝรั่งเศสถูกจับในสนามรบ ฝรั่งเศสต้องไถ่ตัวกลับมาด้วยเงิน 2ล้านดีนาร์

แล้วไม่นาน เยลูซาเล็ม ก็เสียไปอีกครั้ง ในเวลาสั้นๆ เมืองของคริสเตียนเหลือแค่ไม่กี่เมือง แต่แล้วพวกมองโกลนำโดยบากูข่านซึ่งเป็นคริสเตียนนอร์ทเทอร์เรียนก็บุกเขามาจากตะวันออกอย่างรวดเร็ว กรุงดามาสคัส ที่คริสเตียนใช้เวลากว่า 150 ปีในการเข้าตี พวกมองโกลใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์ในการบุกยึด พวกคริสเตียนรีบให้ความช่วยเหลือกับพวกมองโกล ไม่นานนัก โอโตไกข่านสูงสุดเสียชีวิต พวกมองโกลต้องรีบกลับไปเลือกข่านคนใหม่ พวกมุสลิมลอบสังหารพวกทหารมองโกลที่เฝ้าเมืองอยู่จนหมดสิ้น แล้วหันไปเก็บกวาดพวกคริสเตียนจนสิ้นซาก สงครามครูเสดที่ยาวนานกว่า 200 ปีจึงสิ้นสุดลง พวกมุสลิมนำสิ่งใหม่ที่เรียนรู้จากพวกมองโกลไปใช้ต่อ คือ ดินปืน ดาบโค้ง เกราะเหล็กอ่อนซึ่งคล่องตัวและระบายความร้อนได้ดีกว่าเดิมมาก พวกมุสลิมทำสงครามกับคริสเตียนอย่างต่อเนื่อง จึงบุกขึ้นเหนือต่อไป ถล่มจักรวรรดิไบเซนไทน์จนหายไปจาก แผนที่โลก และบุกต่อไปจนถึงพรมแดนสวิตเซอร์แลนด์ จึงหยุดเนื่องจาก สุลต่านพวกเติร์กที่ป็นคนนำทัพเสียชีวิต เป็นธรรมดาที่ถ้าพวก กษัตริย์มุสลิมตาย มักต้องมีสงครามแยงชิงบัลลังค์พ่วงท้ายเสมอ หลังจากสงครามกลางเมืองของจักรวรรดิมุสลิมเติร์ก พวกเขาจึงหยุดสงครามกับคนต่างศาสนา ลงเพราะการณ์นี้

สิ่งที่เกิดขึ้นจากสงครามครูเสด

พวกคริสเตียน เริ่มเบื่อหน่ายศาสนา พวกเขาเซ็งที่ต้องไปรบต่างบ้านต่างเมืองโดยมีรางวัลคือ การขึ้นสวรรค์ ที่พิสูจน์ไม่ได้ พวกฝรั่งเริ่ม ค้นหาคำตอบอื่นๆให้ชีวิตที่คำตอบไม่ใช่ “พระเจ้า ” พวกคริสเตียน ฝึกภาษา อาราบิกเพื่อเรียนทุกวิทยาการของพวกอาหรับ แม้กระทั่งปลอมตัวเป็นมุสลิมเพื่อแอบไปเรียนคณิตศาสตร์ ทำให้เลขโรมันที่ใช้มานับพันปีต้องเลิกใช้ไป ทั้งหมดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการ ท้าทายให้คนทำอะไรใหม่ๆ สำรวจโลกใหม่ ออกทะเลสำรวจโลกใหม่เพราะพวกมุสลิมยึดเส้นทางสายไหมไว้ได้หมด(เพราะข่านมองโกลเปลี่ยนไปเข้าอิสลาม) คิดทฤษฎีใหม่ๆมากมาย แม้ต้องท้าทายโทษถึงตายของศาสนจักร จึงเกิดยุคแห่งศิลปะวิทาการ(เรอเนซอง) และปฏิวัติอุตสาหกรรมตามมา

พวกอิสลาม หลังจากชนะสงครามจากเดิมที่พวกคนเหล่านี้ต้องอยู่ในสังคมที่ปิดอยู่แล้วกลับปิดตัวหนักขึ้นไปอีก พวกเขาเขียนประวัติศาสตร์อันน่าภาคภูมิใจตรงนี้ลงไป และท่องมันซ้ำซาก ไปๆมาๆ คู่กับ คัมภีร์นรก อัลกุรอ่าน ซึ่งถูกยกให้เป็นหนังสือที่ไม่มีใครกล้าคัดค้านเรื่องความถูกต้องของมัน ทั้งเรืองวิทยาศาตร์ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ชีววิทยา ต่างอยู่ในอัลกุรอ่าน ต่อให้คัมภีร์นรกจะเขียนแต่ละเรื่องไว้งี่เง่าแค่ไหน แต่มุสลิมมีหน้าที่ต้องไม่สงสัยอัลกุรอ่าน พวกฝรั่งพูดภาษาอารบิกได้ แต่พวกอาหรับไม่เคยสนใจที่จะเรียนรู้อะไรจากตะวันตก ในสังคมตะวันตก พวกมุสลิมอยู่ร่วมกับคริสเตียนได้ปกติสุข แต่สังคมอาหรับ คนคริสเตียนต้องอยู่อย่างหวาดระแวงพวกมุสลิม และพวกมุสลิมก็เกลียดชังไม่สุงสิงคริสเตียนและยิว สังคมอาหรับ เป็นธรรมเนียมที่เมื่อสิ้นกษัตริย์ ต้องมีสงครามแย่งบัลลังค์ด้วย สงครามที่ต่อเนื่องทำให้สังคมพวกมุสลิมไม่มีความก้าวหน้า แม้ท้ายที่สุดจักรวรรดิอิสลามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง ออตโตมานจะบัญญัติธรรมเนียมการสืบรัชทายาทใหม่เพื่อเลี่ยงสงครามกลางเมืองคือ ลูกชายของสุลต่านทุกคนต้องถูกขังในหอคอยสูง ลูกของสุลต่านต้องฆ่ากันเองทั้งหมดจนเหลือแค่คนเดียว กลับทำให้จักรพรรดิอิสลามตอนหลังๆมีแต่พวกคลุ่มคลั่งวิกลจริต จึงไม่แปลกที่ในช่วงหลังๆ รัฐอิสลามส่วนใหญ่จะถูกกลืนเป็นอาณานิคมตะวันตกไปเกือบหมด